Custom Search

บทความที่ได้รับความนิยม

Translate

ผู้ชายกับการดูแลผิว


เคล็ดลับการดูแลผิวของผู้ชาย
หน้าตาผิวพรรณเป็น เรื่องใหญ่สำหรับผู้ชายยุคนี้ ที่ต่างต้องเผชิญกับมลพิษแบบเอ้าท์ดอร์ แสงแดดจากกีฬากลางแจ้ง เครียดจากการงาน บุหรี่-สุรา

สาเหตุเหล่านี้ล้วนแล้ว แต่ทำให้หนุ่มๆ หล่อน้อยลง ดังนั้นเรื่องหน้าตาจึงเป็นเรื่องที่ผู้ชายสมัยนี้ให้ความสำคัญไม่แพ้เรื่อง อื่น เพราะการมีหน้าตาและผิวพรรณที่สะอาดสดใสย่อมทำให้บุคลิกภาพที่ดี

แต่การดูแลผิวหน้าของผู้ชายนั้นมีความแตกต่างไปจากผู้หญิง เพราะสภาพผิวหน้าของผู้ชายมีความมันมากกว่า ผิวหนังมีความหนากว่า ความละเอียด เนียนนุ่มของผิวน้อยกว่า

นอกจากนี้ผู้ชายมีฮอร์โมนบางตัวที่แตกต่างจากผู้หญิง ฉะนั้นการดูแลจึงแตกต่างกัน ด้วยสภาวะอากาศเมืองไทยที่เป็นประเทศเมืองร้อน คนที่มีผิวมันจะมีโอกาสในการเกิดสิวได้มากที่สุด แต่ในผิวหน้าของผู้ชายก็มีข้อดีคือโอกาสในการแพ้ หรือเกิดผื่นมีน้อยกว่าผู้หญิง และปัญหาผิวหน้าแห้งจะไม่ค่อยพบในผู้ชาย เรียกได้ว่า ผิวหน้าผู้ชายมีความทนทานกว่าผู้หญิง

การแก้ปัญหาหน้ามันในผู้ชาย ทำได้ง่าย ๆ คือ ตื่นมาล้างหน้าตามปกติ ระหว่างวันหากเป็นไปได้ควรใช้กระดาษทิชชูหรือผ้าเช็ดหน้าซับหน้า โดยเฉพาะบริเวณที่มีความมัน เช่นบริเวณทีโซน แต่ไม่แนะนำให้ล้างหน้าบ่อย เพราะจะไปกระตุ้นการผลิตไขมันของใต้ผิวหนังให้ออกมาอีก ใช้แค่กระดาษซับหน้าพอให้มีไขมันอยู่บ้าง

ปัญหาผิวหน้าที่พบมากในกลุ่มผู้ชาย คือ “สิว” การรักษาส่วนใหญ่จะใช้ยาแต้มสิว ซึ่งแบ่งเป็น 3 แบบ ได้แก่

1. ยาผลัดผิวเซลล์ เป็นตัวยาใช้ทาก่อนล้างหน้า เป็นตัวยาที่ช่วยละลายไขมันออกไป
2. ยา ปฏิชีวนะ เป็นตัวยาสำหรับฆ่าเชื้อ ทำให้สิวแห้งลง ไขมันที่อุดตันน้อยลง เนื่องจากตัวยามีฤทธิ์ในการเข้าไปทำลายฆ่าเชื้อลดอาการอับเสบ ทำให้จำนวนเชื้อโรคน้อยลง สิวจะยุบตัวลง
3. กลุ่มวิตามินเอ ที่ทำให้สิวแห้ง ยาตัวนี้ใช้หลังล้างหน้า ยากลุ่มตัวนี้ไม่เหมาะกับผู้หญิงเพราะจะทำให้หน้าแห้งและลอก แต่จะเหมาะสำหรับผู้ชายที่หน้ามันเพราะช่วยให้ผิวหน้าแห้งลง ถ้าหากทายาแล้ว สิวแห้งช้าไม่ทันใจ ให้รับประทานยาในกลุ่มของวิตามิน A ซึ่งมีฤทธิ์ไประงับตั้งแต่การสร้างไขมันอุดตัน ทำให้สิวแห้งลง ตัวยานี้จึงเหมาะกับสิวทุกชนิด

นอกจากการใช้ยาแต้มสิวแล้ว ยังมีสมุนไพรที่มีสรรพคุณในการรักษาสิว คือ ว่านหางจระเข้ ซึ่งเป็นสมุนไพรจำพวกใช้ใบ ภายในมีวุ้นใส ๆ และยางเหลือง ๆ ยางสีเหลืองตัวนี้ต้องระวังเพราะอาจทำให้เกิดอาการแพ้ได้ ถ้าเผลอเอาไปทาจะแสบร้อน บางคนที่แพ้จะมีอาการเป็นผิวผื่นคัน ซึ่งถ้าหากอยากทราบว่าเราแพ้หรือไม่ วิธีทดสอบคือให้นำว่านหางจระเข้ที่ตัดมาใหม่ ๆ ทางบริเวณท้องแขน ทิ้งไว้ประมาณ 3 นาที ถ้ามีอาการคัน แปลว่าผิวเราแพ้

คนส่วนใหญ่มักนิยมนำว่านหางจระเข้มาทาหน้า แต่ว่านชนิดนี้ไม่เหมาะกับคนผิวหน้า แห้ง ถ้านำมาใช้เดี่ยว ๆ จะทำให้ผิวหน้าแห้งลงไปอีก ถ้านำมาใช้ให้ผสมกับน้ำมันมะกอกหรือไข่แดง คนแรง ๆ ให้เข้ากันเป็นเนื้อเดียวนำมาพอกหน้าทิ้งไว้สักพักแล้วล้างออก จะรู้สึกว่าผิวหน้าสดใสและชุ่มชื่น

แต่สำหรับคนที่ผิวมันให้นำว่านที่ตัดใหม่ ๆ ไปแช่น้ำให้ยางสีเหลืองไหลออกหมดก่อนแล้วให้ลอกเอาเฉพาะวุ้นที่อยู่ข้างในมา ทาหรือพอกหน้าไว้สักพัก รู้สึกว่าหน้าตึงขึ้น เพราะรูขุมขนถูกบีบให้เล็กลง ทำให้ความมันบนใบหน้าลดลงได้ ส่วนใครที่เป็นสิวอักเสบ ไม่แนะนำให้ใช้ว่านหางจระเข้ เพราะอาจทำให้เกิดการติดเชื้อได้ง่าย

ยังมีสมุนไพรอื่น ๆ อีกที่เราสามารถนำมาใช้บำรุงผิวหน้าได้ อย่างเช่น หอมแดง เมื่อเรานำมาฝานเป็นแว่น ๆ บาง ๆ นำไปทาบริเวณที่เป็นสิว รอยด่างดำ ทาทิ้งไว้ประมาณ 10 นาทีแล้วล้างออก ใช้เป็นประจำรอยสิวจะจางหายไป

กล้วยหอม ก็มีประโยชน์ต่อผิวพรรณเช่นกัน ถ้าเรานำกล้วยหอม 1 ผล ไปปั่นกันน้ำผึ้ง 1/2 ถ้วย นำมาพอกหน้าไว้ 15-20 นาที แล้วล้างออกทำให้หน้าตาผิวพรรณสดใส ส่วน มะนาว นำมาใช้ประโยชน์ในการดูแลใบหน้าได้มากทีเดียว เราใช้มะนาวล้างหน้าแทนสบู่หรือโฟมได้ หรืออาจจะใช้ไข่ขาว 1 ช้อนชา ดินสอพอง 2 เม็ดใหญ่ มะนาว 1/2 ลูก น้ำผึ้ง 1 ช้อน น้ำมันมะกอก 1/2 ช้อนชา ผสมให้เข้ากันจะได้ครีมข้นนำมาพอกหน้า พอกตัวประมาณ 20-30 นาที แล้วล้างออก ทำวันเว้นวัน ไม่นาน ผิวพรรณจะใสนุ่มเนียนกระจ่างใส

ปัญหาผิวหน้าของผู้ชายนอกจาก สิว แล้ว “รอยตีนกา” ก็เป็นอีกอย่างนึงที่ทำให้ผู้ชายกังวลไม่แพ้ผู้หญิง รอยตีนกา เกิดขึ้นได้จากอิริยาบถต่าง ๆ บนใบหน้า เช่น ยิ้ม หัวเราะ ไม่ควรยิ้มหรือหัวเราะจนมากเกินไป หรือตั้งใจยิ้มเกินไป นี่คือวิธีแก้ตามแบบธรรมชาติ แต่หากต้องการให้เก็นผลชัดเจนอาจต้องใช้เทคโนโลยีเข้ามาช่วย เช่นการฉีดโบท๊อกซ์ โดยฉีดตามตำแหน่งกล้ามเนื้อที่มักทำให้เกิดตีนกา การฉีดโบท็อกซ์ เหมาะกับคนที่อายุ 25-55 ปี ถ้าเกิน 60 ปี ไปแล้ว ตีนกาจะเป็นร่องลึก การฉีดครั้งแรกอาจจะหายไม่หมด ต้องฉีดซ้ำหลายครั้งกว่าตีนกาจะหมดไป

อาจารย์นิพันธ์พงศ์ กล่าวทิ้งท้ายว่า นอกเหนือจากการดูแลตัวเองโดยใช้สมุนไพรและเครื่องสำอางในการดูแลผิวพรรณและ ใบหน้าแล้ว สิ่งสำคัญที่สุดคือการดูแลเรื่องอื่นๆควบคู่ไปด้วย เช่นการนอนหลับพักผ่อนอย่างเพียงพอ จะช่วยให้ใบหน้าสดชื่น แจ่มใส ไร้ริ้วรอย ดูอ่อนกว่าวัย ผิวพรรณเปล่งปลั่ง มีน้ำมีนวล ที่สำคัญต้องรู้จักมองโลกในแง่ดี การทำจิตใจให้สดใสจะส่งผลสู่สุขภาพร่างกายภายนอกด้วย

รายการบล็อกของฉัน